แพ้ยา Minoxidil ทำไงดี ? (Allergic to Minoxidil what should I do?)
Minoxidil เป็นยาที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย โดย Minoxidil นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นยาที่สามารถนำมาปลูกผมได้ เนื่องจากคุณสมบัติของตัวยาที่ใช้ทาแล้วมีคุณสมบัติไปขยายหลอดเลือดบริเวณผิวหนัง ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการงอกของเส้นผมและเส้นขน ทำให้ผมยาวหนาขึ้นได้ แต่ปัญหาที่พบได้บ่อยมากจากการใช้ Minoxidili รูปแบบทาคือ อาการแพ้สัมผัส (Contact dermatitis) อาการแพ้สัมผัสจากยา Minoxidil รูปแบบทา โดยการแพ้สัมผัส Minoxidil รูปแบบทานั้นส่วนใหญ่มักเกิดจากการแพ้สารทำละลายที่ชื่อว่า propylene glycol ซึ่งเป็นตัวทำละลายที่ใช้ละลาย Minoxidil ให้กลายเป็นของเหลว สาร propylene glycol มักเป็นสารที่กระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางคน โดยเฉพาะในคนที่มีปัญหาผิวหนังแพ้ง่ายเช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนัง(Atopic dermatitis) และคนที่มีปัญหาโรคผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์มบริเวณหนังศีรษะ (Seborrheic dermatitis) ดังนั้นหากใครมีปัญหาใช้ Minoxidil รูปแบบทา แล้วมีอาการแพ้ คันเป็นขุยรังแค หรือมีความเสี่ยงแพ้ง่าย ควรเปลี่ยนเป็น Minoxidil ที่ไม่มีสาร propylene glycol ผสมอยู่ ซึ่งหาได้ค่อนข้างยากตามท้องตลาดเพราะสูตรที่ไม่ผสม propylene glycol จะมีขั้นตอนในการผลิตที่ยากกว่าและต้นทุนในการผลิตจะค่อนข้างสูง คลินิกคอตตอนวูลตระหนักถึงปัญหาข้อนี้เป็นอย่างดี ดังนั้น ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมของเรา เป็นสูตรของทางคลินิกจึงไม่มีสาร […]
ทำไมปลูกผมแล้วยังต้องทานยา
สำหรับคุณผู้ชายคุณผู้หญิงที่มีปัญหาผมร่วงผมบางหัวล้านและมีแพลนจะปลูกผม ถึงกับขนาดมาปรึกษาแพทย์แล้ว คุณก็จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ว่าให้ทานยาหลังปลูกผมด้วย อย่างน้อยๆ ต้องทาน 1 ปี แต่มีใครสงสัยกันมั้ยคะว่าปลูกผมแล้วทำไมยังต้องทานยากันอีก ก็จะมาปลูกผมให้ผมมันขึ้นจะได้ไม่ต้องทานยาอีก ถ้าทานยาผมแล้วจะมาปลูกผมทำไม มาทำความเข้าใจกันใหม่ในบทความนี้เลย ความจริงแล้ว “การปลูกผมเป็นเพียงแค่การย้ายรากผมจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ไม่ได้เป็นการหยุดผมร่วง” อย่าลืมนะคะว่าผมที่ปลูกไปจะอยู่กับคุณไปอีกนานหลายปีเพราะนี่คือการปลูกผมถาวร ถ้าผมยังร่วงในอัตราเดิมอยู่หลังจากการปลูกผม จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผมปลูกกับผมธรรมชาติในอนาคตได้ แล้วคุณก็จะต้องกลับมาปลูกผมใหม่เพื่อเติมตรงช่องว่างตรงนั้น หน้าที่ของยาตรงนี้ก็คือหยุดหรือชะลอผมร่วง ทำให้ผมธรรมชาติอยู่กับเราได้นานขึ้น เพื่อที่ว่าคุณจะได้ไม่ต้องกลับมาปลูกผมซ้ำหรืออย่างน้อยก็คือยืดเวลาที่คุณจะต้องกลับมาปลูกผมอีกครั้ง มากไปกว่านั้น การทานยาในปีแรกของการปลูกผมจะทำช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของผมที่เพิ่งปลูกมาได้ด้วย ส่วนคนที่ต้องปลูกผมแทรกกับผมเดิมที่มีอยู่ อย่างคนที่ไม่ได้หัวล้านมากหรือจำนวนเส้นผมน้อยนั้นยิ่งต้องทานยาเลย อันนี้สำคัญมาก ยกตัวอย่างเช่น ในพื้นที่หนึ่ง คุณมีผม 1000 เส้น คุณต้องปลูกผมเพิ่มอีก 1000 เส้นเพื่อให้ได้ความหนาแน่นมากพอที่จะปกปิดหนังศีรษะ เมื่อปลูกเสร็จคุณก็จะมีผม 2000 เส้น แต่ถ้าคุณไม่ทานยา ผม 1000 เส้นที่เป็นผมธรรมชาติก็จะค่อยๆ ร่วงหายไป ไม่กี่ปีผ่านไปคุณก็จะเหลือ 1000 เส้นเหมือนเดิม เหมือนตอนก่อนปลูกผม คราวนี้ปลูกผมอยู่ได้กี่ปีก็สำคัญไม่เท่าผมธรรมชาติของคุณจะอยู่อีกกี่ปีแล้วล่ะ ในกรณีที่คนไข้ไม่สามารถทานยาได้ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ต้องปรึกษาแพทย์เรื่องสาเหตุและสิ่งที่สามารถทำได้ เช่น การทำทรีตเมนต์เพิ่ม หรือการลองลดขนาดหรือเปลี่ยนยา ส่วนคนที่ไม่เคยลองทานยามาก่อนแล้วไม่อยากทานยาแค่เพราะไม่อยากทานยาเนื่องจากไปอ่านเจอเรื่องผลข้างเคียงหรือแค่ขี้เกียจ แพทย์แนะนำให้ลองทานก่อนค่ะ ไม่ลองไม่รู้ […]
NAD+ คืออะไร
NAD+ หรือ Nicotinamide adenine dinucleotide เป็นอนุพันธ์ของวิตามินบี3 และเป็นสารประกอบธรรมชาติที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดอายุขัยของเซลล์ในร่างกาย NAD+เป็นโคเอนไซม์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในทุกเซลล์ของร่างกาย มีความสำคัญในขบวนการฟื้นฟูเซลล์ในระดับดีเอ็นเอ สามารถพบได้ในเซลล์ที่ช่วยส่งเสริมการงอกใหม่ของเซลล์และเป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างพลังงานของเซลล์ จึงช่วยชะลอความเสื่อม และโรคที่เกิดมาจากความเสื่อมของร่างกาย มี 3 องค์ประกอบสำคัญที่ส่งผลต่อการซ่อมแซมเซลล์ และการงอกใหม่ของเซลล์ นั่นคือ NAD+จะลดลงเรื่อย ๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยมีการประเมินว่า ระดับของNAD+ เมื่ออายุ 50 ปี จะเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของNAD+ เมื่ออายุ 20 ปี และเหลือเพียง 20% เมื่ออายุ 70 ปี เมื่อคุณมีอายุ 80 ปี การลดลงของระดับ NAD+ ส่งผลให้เกิดการปิดการทำงานของโปรตีน Sirtuins และยับยั้งการทำงานของเอนไซน์ PARP ซึ่งทั้งสองอย่างส่งผลเสียต่อการทำงานของสมอง และสุขภาพของระบบประสาทของเรา ก่อให้เกิดการ เสื่อมถอยของระบบประสาท และความจำ เกิดภาวะของโรคหัวใจ โรคอ้วน และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามอายุขัย ดังนั้นหากอยากชะลอวัย NAD+ จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากครับ […]
LED Therapy
เทคโนโลยีฉายแสงทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาผมร่วง รักษาผมบาง ใช้หลักการฉายแสง LED สามารถใช้รักษาได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ไม่มีการผ่าตัด ไม่เจ็บ ไม่มีผลข้างเคียง โดยแสง LED จะตรงเข้าไปกระตุ้นได้ลึกถึงรากผม เพิ่มความแข็งแรงให้เส้นผม หลักการทำงานของ LED Therapy ฉายแสงลดผมร่วง LED Therapy จะเป็นการฉายแสง LED สีแดงที่มีความยาวคลื่น 660 นาโนเมตรลงบริเวณเส้นผมและหนังศีรษะ โดยแสงจะทำหน้าที่กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะ ช่วยในการเติมออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ เข้าไปหล่อเลี้ยงเซลล์รากผมได้อย่างเต็มที่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นกระบวนการเบตาบอลิซึมในเซลล์รากผม ทำให้รากผมมีความแข็งแรง สร้างเส้นผมใหม่ได้เพิ่มขึ้นและลดอัตราการร่วงของเส้นผมได้ด้วย LED Therapy ฉายแสงลดผมร่วง เหมาะกับใคร
ปลูกผมแล้วยังต้องกินยาอยู่มั้ย
คำถามนี้เจอบ่อยมากทั้งทางโทรศัพท์และที่เข้ามาพบหมอที่คลินิกนะครับ คนไข้หลายคนสงสัยว่าปลูกผมแล้ว ทำไมบางคนยังต้องทานยา ถ้าปลูกผมแล้วยังต้องทานยา แล้วจะปลูกไปทำไม จริงๆ แล้วประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ผมปลูก แต่อยู่ที่ผมธรรมชาติต่างหาก เพื่อให้เข้าใจง่าย หมอขอแบ่งออกเป็น 2 ประเด็นดังนี้ 1. ผมที่ปลูก – ผมพวกนี้ย้ายมาจากบริเวณท้ายทอยซึ่งเป็นผมที่ไม่ร่วงอยู่แล้ว เนื่องจากไม่มี Receptor ของฮอร์โมน DHT คุณสมบัตินี้จะติดตัวมาด้วยเมื่อเรานำมาปลูก ดังนั้นต่อให้ไม่ทานยา ผมที่ปลูกก็จะขึ้นและอยู่กับเราไปตลอดเหมือนเพื่อนๆ ที่อยู่บริเวณท้ายทอยครับ 2. ผมธรรมชาติ (ผมเก่าในบริเวณอื่น) – ปัญหาจะอยู่ตรงนี้แหละ เพราะถ้าคนไข้มีกรรมพันธุ์ผมบาง ศีรษะล้าน มันก็มีแนวโน้มที่ผมพวกนี้จะหลุดร่วงไปตามกรรมพันธุ์ การทานยาก็จะมีบทบาทตรงนี้เพื่อไม่ให้ผมธรรมชาติมันร่วงไปจนเหลือแต่ผมปลูกครับ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าควรทาน … หน้าที่นี้ปล่อยให้หมอจัดการครับ ต้องบอกก่อนว่ายาไม่ได้จำเป็นสำหรับทุกคน บางคนก็ควรทาน บางคนก็ไม่จำเป็น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ที่ต้องพิจารณาว่าคนไข้นั้นๆ ยังมีแนวโน้มที่จะเจอปัญหาธรรมชาติผมบางต่อไปหรือไม่ ซึ่งหมอก็ต้องดูทั้งอายุ ระดับความบางของผม ประวัติกรรมพันธุ์ในครอบครัว ฯลฯ ไม่ทานยาได้มั้ย … ไม่ทานก็ได้ครับ ไม่ได้บังคับ แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยเช่นกันว่าหาคนไข้มีแนวโน้มที่จะเจอปัญหาผมธรรมชาติบางไปเรื่อยๆ ผมธรรมชาติก็อาจจะร่วงไปจนเหลือแต่ผมที่ปลูก ในอนาคตก็อาจต้องกลับมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ผมธรรมชาติหายไปนั่นเอง
จริงหรือไม่? เลเซอร์หน้าบ่อยทำให้ผิวบางอ่อนแอ
เลเซอร์หน้าบ่อยๆ จะทำให้ผิวหน้าบอบบางและอ่อนแอไหม? คำถามยอดฮิตของผู้ที่ต้องการรักษาผิวหน้า แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะทำดีหรือไม่ จริงๆ แล้ว การเลเซอร์ไม่ได้ทำให้ผิวหน้าบางอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ในทางตรงกันข้ามการเลเซอร์หลายชนิด (ที่ทำอย่างถูกต้องโดยแพทย์ชำนาญการ) โดยเฉพาะเลเซอร์ที่ใช้ปรับสภาพผิวกลับจะกระตุ้นให้มีการสร้างผิวใหม่ที่ดีว่า การเลเซอร์ไม่ได้ทำให้หน้าบางลงในทางตรงกันข้าม การเลเซอร์หลายชนิดโดยเฉพาะเลเซอร์ที่ใช้ปรับสภาพผิวจะกระตุ้นให้มีการสร้างผิวใหม่ที่เรียบและหนากว่าผิวเก่า หรือ การใช้เลเซอร์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวหน้า ซึ่งสิ่งที่ทำให้เข้าใจว่าเลเซอร์เป็นสาเหตุทำให้ผิวบางนั้นน่าจะหมายถึงเลเซอร์ในกลุ่มที่ทำให้เกิดรอยถลอกที่ผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ ซึ่งจะทำให้เกิดการถลอกออกของผิวหนังกำพร้า หรือผิวหนังชั้นนอกเท่านั้นและเป็นการถลอกออกเพียงชั่วคราวจากนั้นตามธรรมชาติร่างกายจะมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนเป็นปกติ จึงไม่ทำให้เกิดผิวบางในระยะยาว ยิ่งถ้าเป็นเลเซอร์ที่ไม่ทำให้เกิดรอยถลอกกับผิว เช่น IPL, PDL เป็นต้น ก็ยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดผิวบาง แม้ว่าการเลเซอร์หน้าจะไม่ทำให้ผิวบาง แต่ต้องขึ้นอยู่กับการเลือกชนิดเลเซอร์ให้เหมาะกับผิวหน้า ดังนั้นการเลือกสถานพยาบาลและสถานเสริมความงามที่ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะสถานพยาบาลที่ดีจะไม่มุ่งเน้นการขายคอร์สเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญตั้งแต่ขั้นตอน Consult ไปจนถึงขั้นตอนการรักษา เพื่อให้ได้ผลที่ดีและปลอดภัยที่สุดหลังการรักษาอีกด้วย
Diode Laser
วิธี Diode เป็นเลเซอร์ที่มีหลากหลายความยาวคลื่น ในแต่ละความยาวก็จะใช้ในจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป เลเซอร์ Diode ทำงานด้วยการพุ่งเข้าไปจับเมลานินที่อยู่ในเส้นขน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เส้นขนจะที่ถูกทำลายและหลุดร่วงออกมาโดยไม่ทำร้ายผิวหนังโดยรอบ ไม่ว่าสาวๆ ผิวแบบไหนก็สามารถทำ Diode ได้ เนื่องจากเลเซอร์ชนิดนี้ค่อนข้างอ่อนโยนต่อผิว และยังมีความยาวคลื่นที่ซึมผ่านผิวหนังได้ลึก และไม่ทำปฎิกิริยากับเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง ในขั้นตอนแรกของการทำ Diode จะต้องทำการเล็มหรือโกนขนออกก่อน จากนั้นจะทาเจลเย็นเพื่อช่วยลดการอักเสบระคายเคือง ก่อนจะเริ่มทำเลเซอร์ทีละส่วนจนครบทุกบริเวณที่ต้องการ สาวๆ จะรู้สึกเย็นตลอดเวลา เนื่องจากที่หัวเลเซอร์จะมีระบบทำความเย็นไปพร้อมๆ กับการยิง สาวๆ จะไม่รู้สึกแสบหรือร้อน หรืออาจมีบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าทนไม่ไหวก็สามารถแจ้งผู้เชี่ยวชาญได้เลย ข้อดี ของการทำ Diode คือ แสงสามารถผ่านผิวลงไปได้ลึก ทำให้กำจัดขนได้ทั้งเส้นใหญ่และเส้นเล็ก และชะลอการเกิดเส้นขนใหม่ได้ดี แถมยังปลอดภัยกับทุกสภาพผิว ไม่เจ็บขณะทำ และหลังการทำ ผิวจะมีความเรียบเนียนมากขึ้น ช่วยกระชับรูขุมขนได้ดี ข้อเสีย ของการทำ Diode คือเส้นขนจะค่อยๆ หลุดร่วงไปในช่วง 1-2 สัปดาห์ภายหลังการทำเลเซอร์ หลังจากนั้นจะมีขนขึ้นมาบ้าง การทำ Diode ควรทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง 5-6 ครั้ง โดยแต่ละครั้งสาวๆ […]
วิธีการสระผมหลังปลูกผมอย่างถูกต้อง เพื่อรากผมที่แข็งแรง
การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ที่เพิ่งทำการปลูกผมด้วยวิธีการย้ายเซลล์รากผมทั้งแบบ FUE หรือ DHI โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรก และหนึ่งเดือนหลังการปลูกผม เพราะเป็นช่วงที่เซลล์รากผมที่ย้ายไปปลูกอาจยังไม่สมานตัวดี และมีโอกาสที่จะหลุดร่วงได้ง่ายหากได้รับการดูแลอย่างผิดวิธี โดยในวันนี้เรามีการดูแลตัวเองหลังปลูกผมมาฝากกัน หากปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้ รับรองได้ว่าจะช่วยทำให้ผมที่ปลูกใหม่ของคุณแข็งแรง และได้ผลลัพธ์อย่างที่คุณน่าพึงพอใจอย่างแน่นอน การสระผมหลังปลูกผมที่ถูกวิธีหลังปลูกผม
เลเซอร์หน้าใสบ่อยๆ ทำให้หน้าบางจริงหรือไม่
หน้ากระจ่างใสไม่หมองคล้ำ เป็นอีกหนึ่งความสำคัญด้านภาพลักษณ์สำหรับใครหลายคน ซึ่งการดูแลผิวหน้าด้วยการบำรุงด้วยสกินแคร์นั้นอาจจะไม่เพียงพอ และอาจจะบำรุงไม่ล้ำลึกมากพอ “เลเซอร์หน้าใส” ก็เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถดูแลผิวได้อย่างล้ำลึกกว่าแค่บำรุงผิวหน้าธรรมดาๆ ทั่วไป แต่เลเซอร์หน้าใสนั้น ไม่ใช่ทำเพียงแค่ครั้งสองครั้งแล้วจบไป เนื่องจากสภาพผิวของแต่ละคนมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป อาจจะต้องทำเลเซอร์หน้าใสมากกว่า 2 ครั้งอย่างต่อเนื่องจนสภาพผิวดีขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นหลายคนอาจจะสงสัยว่าหากเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยดูแลผิวหน้า หรือการทำเลเซอร์หน้าใส เพราะเป็นการดูแลอย่างล้ำลึก ถ้าทำบ่อยๆ เข้า จะทำให้ผิวหน้าบางลงไหม เพราะจริงๆ แล้วการเลเซอร์หน้าใสไม่ได้ทำให้ผิวหน้าบางอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ในทางตรงกันข้ามการเลเซอร์หน้าใสมีหลายชนิด ที่ทำอย่างถูกต้องโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะเลเซอร์ที่ใช้ปรับสภาพผิวกลับจะกระตุ้นให้มีการสร้างผิวใหม่ที่ดีกว่าได้ครับ การเลเซอร์หน้าไม่ได้ทำให้หน้าบางลง แต่ในทางตรงกันข้ามการเลเซอร์หน้าใส โดยเฉพาะเลเซอร์ที่ใช้ปรับสภาพผิวจะกระตุ้นให้มีการสร้างผิวใหม่ที่เรียบและหนากว่าผิวเก่า ซึ่งสิ่งที่ทำให้เข้าใจว่าเลเซอร์เป็นสาเหตุทำให้ผิวบางนั้นน่าจะหมายถึงเลเซอร์ในกลุ่มที่ทำให้เกิดรอยถลอกที่ผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ ซึ่งจะทำให้เกิดการถลอกออกของผิวหนังกำพร้า หรือผิวหนังชั้นนอกเท่านั้นและเป็นการถลอกออกเพียงชั่วคราวจากนั้นตามธรรมชาติร่างกายจะมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนเป็นปกติ จึงไม่ทำให้เกิดผิวบางในระยะยาว แม้ว่าการเลเซอร์หน้าใสจะไม่ทำให้ผิวบาง แต่ต้องขึ้นอยู่กับการเลือกชนิดเลเซอร์ให้เหมาะกับผิวหน้า ดังนั้นการเลือกคลินิกเกี่ยวกับความงามที่ต้องดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะคลินิกที่ดีจะไม่มุ่งเน้นการขายคอร์สเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญของผู้ที่เข้าใช้บริการ ตั้งแต่ขั้นตอน Consult ไปจนถึงขั้นตอนการรักษา เพื่อให้ได้ผลที่ดีและปลอดภัยที่สุดหลังการรักษาอีกด้วยครับ
คนวัยทองสามารถปลูกผมได้ไหม
วัยทอง” เกิดขึ้นกับคนที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 40-50 ปี ขึ้นไป สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการวัยทอง คือ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนที่เริ่มลดลงตามอายุ คนกลุ่มนี้จะมีลักษณะภายนอกที่คนทั่วไปสังเกตได้ชัดเจน คือ อาการลงพุง เบื่ออาหารง่ายหงุดหงิดง่ายหมดประจำเดือนถ้าเป็นผู้หญิง การแก้ปัญหาเบื้องต้นของคนกลุ่มนี้ คือ การเข้าพบคุณหมอเพื่อปรึกษารับฮอร์โมนทดแทนในวัยทอง ซึ่งเป็นการรับยาเพื่อบังคับไม่ให้ตัวเองอารมณ์แปรปรวน (อารมณ์สวิง) ได้ง่าย ถ้าเกิดคนกลุ่มนี้ไม่ดูแลสุขภาพตัวเองก็เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ เช่น โรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน โรคมะเร็ง เป็นต้น เมื่อคนวัยทองอยากปลูกผมสามารถปลูกผมได้ไหม? สามารถปลูกผมได้ค่ะ ปลูกผมถาวรจริงๆ แล้วอายุเท่าไรก็สามารถทำได้ แค่ตัวลูกค้าที่จะปลูกผมไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง เท่านี้ก็สามารถเข้ารับบริการปลูกผมถาวรกับคลินิกปลูกผมได้ สาเหตุที่คนกลุ่มนี้นิยมปลูกผมถาวรมากกว่ากลุ่มวัยรุ่น เพราะเมื่ออายุเริ่มมากขึ้นระดับฮอร์โมนในร่างกายก็จะเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ จนทำให้เลือดที่เคยส่งไปเลี้ยงเส้นผมลดลงไปด้วย จากเส้นผมที่เคยใหญ่ดกดำก็เริ่มอ่อนแอและเส้นผมเล็กลงจนทำให้ผมไม่สามารถปกปิดหนังศีรษะได้ดีเท่าตอนหนุ่มสาว อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของอาการนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนว่าปรับตัวได้มากน้อยขนาดไหน ผมที่ปลูกไปจะขึ้นตามมาตรฐานการปลูกผมปกติ เพราะอายุหรือระดับฮอร์โมนไม่ได้มีผลต่อผลลัพธ์ของการปลูกผมถาวร แต่อยู่ที่การดูแลสุขภาพร่างกายหลังปลูกผมของตัวลูกค้าเองและความชำนาญของคุณหมอท่านนั้นๆ